วันที่ 14 ก.ย. 2566
ในรอบสองทศวรรษล่าสุด โลกของเราได้เข้าสู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดทั่วโลก ต่างต้องเผชิญหน้ากับสภาพอากาศลมฟ้าแบบสุดขั้วที่เกิดขึ้น ซึ่งเราได้เรียกว่า “ภาวะโลกเดือด” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีผลกระทบในหลายด้านของสิ่งแวดล้อมและสังคมของเรา
หลายคนคงคุ้นหูกับคำว่า “ภาวะโลกร้อน” ซึ่งกล่าวถึงการเพิ่มอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกจากผลกระทบของภาวะเรือนกระจก (Greenhouse Effect) แต่ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ได้เผยแพร่คำประกาศที่ทำให้เราต้องตระหนักถึงความรุนแรงของสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน คำประกาศกล่าวว่า “ยุคภาวะโลกร้อนสิ้นสุดลงแล้ว พวกเรากำลังอยู่ในยุคภาวะโลกเดือด” นักวิชาการและนักวิจัยทั่วโลกก็เห็นด้วยกับคำประกาศนี้ และกำลังเตือนเต็มพิกัดเกี่ยวกับภาวะโลกเดือด ภาวะนี้ไม่เพียงแค่การเพิ่มอุณหภูมิ แต่ยังมีผลกระทบมหาศาลต่อสิ่งมีชีวิตทั่วโลก ต่อตัวเราและอนาคตของโลกเอง
“ภาวะโลกเดือด” คืออะไร?
ภาวะโลกเดือด คือ สถานการณ์ที่สภาพภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง ซึ่งเกิดจากผลกระทบของกิจกรรมมนุษย์ ได้แก่ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก, การตัดไม้ป่า, การใช้พลังงานหมุนเวียนน้อย, และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศธรรมชาติ ผลกระทบของภาวะโลกเดือดรวมถึงอาการร้อนจัด, น้ำท่วม, การสูญเสียชีวิต, และความขาดแคลนทางอาหาร
สัญญาณภัยพิบัติและการรับมือ
การระบุภาวะโลกเดือดเป็นสัญญาณภัยพิบัติที่ร้ายแรงที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทั่วโลก การรับมือกับภาวะนี้ต้องเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคน โดยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, ส่งเสริมพลังงานที่มีประสิทธิภาพ, การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ, และการสร้างการเข้าใจในสิ่งแวดล้อมและการเผชิญหน้ากับภาวะโลกเดือดที่กำลังเกิดขึ้น ทุกคนมีส่วนสำคัญในการรับมือกับภาวะนี้เพื่อให้โลกเรากลับมามีความมั่นคงและยั่งยืนอีกครั้ง
ในเดือนกรกฎาคมของปี 2566 ที่ผ่านมาเป็นเดือนที่ “ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์” ขณะที่องค์กร NASA มีสถานีตรวจอากาศมากมายที่ติดตามและบันทึกข้อมูลอุณหภูมิของโลกอย่างต่อเนื่อง ในเดือนกรกฎาคม 2566 พวกเขาพบว่าอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกถูกบันทึกเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในรอบ 170 ปีที่ผ่านมา
ในปีหลายปีที่ผ่านมา โลกของเราได้รับผลกระทบจากภาวะโลกเดือดอย่างมหาศาล ผลกระทบเหล่านี้เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศและภัยธรรมชาติที่เข้ามาอย่างรุนแรงในชีวิตของเรา น้ำท่วมฉับพลัน, ภัยแล้งจากเอลนิโญ ไปจนถึงคลื่นความร้อนที่นำไปสู่ปัญหาไฟป่า และการเสียชีวิตของผู้คนและสิ่งมีชีวิตอื่นๆทั้วโลกจาก โรคฮีทสโตรก
ในประเทศไทย, การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศมีผลกระทบที่รุนแรง ข้อมูลรายงานแสดงให้เห็นว่าในปี 2565 มีแนวโน้มที่อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 1.5 องศาเซลเซียส สภาพนี้มีผลกระทบที่สำคัญต่อสิ่งแวดล้อมและชีวิตคนในประเทศไทย อุณหภูมิสูงสุดในเดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมา จังหวัดตากวัดอุณหภูมิสูงถึงระดับ 44.6 องศาเซลเซียส ซึ่งถือเป็นอุณหภูมิที่อันตรายมากสำหรับชีวิตของคนและสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้น อุณหภูมิสูงขนาดนี้สามารถเกิดขึ้นเนื่องจากการกระทบของภาวะโลกเดือด
รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ “จากรหัสแดงโลกร้อนสู่โลกเดือดอนาคตที่เราต้องเลือก” โดยระบุว่ามี 4 ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกเดือด
- การกระทำของมนุษย์จากการปลดปล่อยแก๊สเรือนกระจกสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 1.2 องศาเซลเซียส
- ปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรง ทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นอีก 0.2 – 0.3 องศาเซลเซียส
- ช่วงเวลาการปลดปล่อยพลังงานสูงจากดวงอาทิตย์ ทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 0.05 องศาเซลเซียส
- การระเบิดของภูเขาไฟ Tonga-Hunga ทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 0.035 องศาเซลเซียส
การกระทำของมนุษย์เป็นปัจจัยหลักที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและโลกใบนี้อย่างมาก มีหลายปัจจัยที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างภาวะโลกเดือด การเรียนรู้และการกระทำในทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งจำเป็นในการลดผลกระทบที่รุนแรงต่อโลก เราต้องพัฒนาพลังงานที่มีประสิทธิภาพ, ลดการใช้พลังงานไม่จำเป็น, สร้างการใช้ที่ดินที่ยั่งยืน, และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรอบคอบ เพื่อให้โลกใบนี้สามารถรอดตามภาวะที่กำลังเกิดขึ้นได้ในอนาคต
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.sanook.com/news/9020906/