9 พฤษภาคม 2567
จากเหตุการณ์เพลิงไหม้บ่อขยะเก่า ในพื้นที่หมู่ที่ 1 ตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพื้นที่บ่อขยะเก่าของเทศบาลเมืองหัวหิน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 140 ไร่ หลังจากที่ไม่มีการทิ้งขยะมานานกว่า 10 ปีแล้ว จู่ๆได้เกิดไฟไหม้ลุกลามพื้นที่อย่างรวดเร็วในพื้นที่โซน A และ B ซึ่งเป็นส่วนของบ่อขยะ โดยเบื้องต้นมีพื้นที่ที่ถูกไฟไหม้กว่า 20 ไร่
ลักษณะของที่เกิดเหตุ
เนื่องจากพื้นที่ภายในบ่อขยะเก่า มีปริมาณขยะทั้งพลาสติกและวัสดุอื่นๆ ฝังกลบสะสมจำนวนมาก ทำให้มีความสูงหลายเมตร คล้ายกับภูเขาขนาดย่อม สถานการณ์ดังกล่าว จึงเป็นเหตุให้การดับเพลิงมีความยากลำบากมากยิ่งขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อยจัด และรถบรรทุกน้ำที่ใช้สำหรับดับเพลิงไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่บางส่วนได้ จึงทำให้การดับเพลิงไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาไฟปะทุขึ้นใหม่ในหลายจุด ส่งผลให้ไม่สามารถดับไฟให้สนิทได้ทันที แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะพยายามระดมฉีดน้ำอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน แต่การที่พื้นที่บ่อขยะมีขนาดใหญ่และมีขยะสะสมมาก ทำให้การดับไฟเป็นไปด้วยความยากลำบาก
การร่วมมือของเจ้าหน้าที่
นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยนายอำเภอหัวหิน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน ตลอดจนเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมลงพื้นที่เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์เหตุไฟไหม้ที่บ่อขยะเก่า
แม้จะมีการดำเนินการเข้าดับไฟอย่างต่อเนื่องในช่วงกลางวัน แต่ในช่วงเวลากลางคืนยังคงมีจุดความร้อนปะทุขึ้นใหม่หลายจุด สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องวางแผนการควบคุมไฟอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ไฟดับสนิทโดยเร็วที่สุด
การดำเนินการดับไฟ
ทีมงานเจ้าหน้าที่ได้วางแผนการดับเพลิงด้วยการระดมเครื่องจักรต่างๆ เข้าควบคุมสถานการณ์ เช่น รถแบ็คโฮ และรถบรรทุกน้ำ โดยแนวทางหลัก คือ การเปิดกองขยะที่ฝังกลบเอาไว้ออกมา ซึ่งมีความหนาไม่ต่ำกว่า 5 เมตร เพื่อฉีดน้ำให้ถึงชั้นลึกและดับไฟให้สนิทที่สุด
เนื่องจากเครื่องจักรที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่เพียงพอ การระดมทรัพยากรจะดำเนินการในวันพรุ่งนี้ โดยจะมีการเพิ่มจำนวนรถแบ็คโฮ อย่างน้อย 6 ตัว และรถบรรทุกน้ำอีกกว่า 10 คัน เข้ามาร่วมการดับเพลิง พร้อมทั้งจะปรับปรุงและเปิดเส้นทางเข้าถึงพื้นที่ไฟไหม้ให้สะดวกขึ้น นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะนำเครื่องพ่นน้ำระยะไกลมาช่วยในการดับไฟ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและดับไฟให้ได้ผลอย่างรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น
ผลกระทบจากชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง
สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 8 ของกรมควบคุมมลพิษ ได้นำเครื่องมือมาวัดคุณภาพอากาศเป็นช่วงๆ เพื่อเปรียบเทียบและประเมินว่าคุณภาพอากาศมีการดีขึ้นหรือไม่ ข้อมูลนี้มีความสำคัญในการชี้วัดผลกระทบจากการดับไฟและการควบคุมมลพิษในพื้นที่
ผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่รอบๆ มีความน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะการปล่อยคาร์บอนมอนอกไซด์จากการเผาไหม้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการหายใจ คณะเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากจังหวัดและอำเภอหัวหินได้ลงพื้นที่สำรวจสุขภาพของชาวบ้าน โดยพบว่าชาวบ้านในหมู่ที่ 1 10 และ 13 ของตำบลทับใต้ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของบ่อขยะ ได้รับผลกระทบจากควันไฟ ส่วนใหญ่มีอาการหายใจลำบาก แน่นหน้าอก และตาแดง มีบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบแล้วกว่า 30 หลังคาเรือน
ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดหาและแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้กับประชาชน เพื่อป้องกันฝุ่นควันจากการไหม้ และอาจมีการพิจารณาให้ประชาชนบางส่วนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงย้ายไปอยู่ชั่วคราวในพื้นที่ที่ปลอดภัย ทางจังหวัดจะทำการประเมินสถานการณ์และปรับแผนการทำงานทุกวัน เพื่อหวังให้สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้โดยเร็วที่สุด โดยคาดการณ์เบื้องต้น อาจต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ และจะติดตามผลการตรวจคุณภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินความจำเป็นในการประกาศพื้นที่เป็นพื้นที่ภัยพิบัติต่อไป
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_8222890