ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ เป็นระบบสัญญาณเตือนอัคคีภัยได้รับการออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ตรวจจับการเกิดไฟไหม้ และ แจ้งเตือนไปยังผู้คนในพื้นที่ให้ได้ทราบถึงอันตรายจากไฟไหม้ ให้เตรียมตัวอพยพออกจากบริเวณที่เป็นอันตราย และเตรียมปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินที่ทางสถานประกอบกิจการได้วางเอาไว้
โดยทั่วไประบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ตามมาตรฐานสากล NFPA 72 จะประกอบด้วยเครือข่ายอุปกรณ์ต่างๆติดตั้งอยู่ทั่วอาคารหรือพื้นที่การทำงาน ตลอดจนแผงตู้ควบคุม และ ระบบเตือนภัยที่สามารถเปิดใช้งานได้เองอัตโนมัติเมื่อเซ็นเซอร์ตรวจพบไฟไหม้ ควันไฟบริเวณดังกล่าว ระบบสัญญาณเตือนอัคคีภัยก็จะทำการแจ้งเตือนทันทีให้ทราบล่วงหน้า เพื่อให้ผู้คนสามารถอพยพออกจากอาคารหรือพื้นที่ได้ และช่วยป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน
การติดตั้งระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้มีข้อดีหลายประการ:
- การตรวจจับล่วงหน้า: ระบบสัญญาณเตือนอัคคีภัยแจ้งเหตุเพลิงไหม้สามารถตรวจจับการเกิดไฟไหม้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งสามารถช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากไฟไหม้ได้
- การอพยพ: ระบบสัญญาณเตือนอัคคีภัยแจ้งเหตุเพลิงไหม้สามารถแจ้งเตือนผู้คนในอาคาร หรือ พื้นที่เมื่อเกิดไฟไหม้ ซึ่งสามารถช่วยให้พวกเขาอพยพหนีไฟได้อย่างปลอดภัย
- การปกป้องทรัพย์สิน: ระบบสัญญาณเตือนอัคคีภัยแจ้งเหตุเพลิงไหม้สามารถช่วยป้องกันการสูญเสียชีวิต และทรัพย์สินได้โดยการเตือนผู้คนเมื่อเกิดไฟไหม้ รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมป้องกันไม่ให้ไฟเกิดการลุกลามไปยังอาคารอื่นขยายความเสียหายเป็นวงกว้าง
- การปฏิบัติตามกฎหมาย: กฎหมายกำหนดให้อาคาร หรือ ตึกสูง ตามประเภทที่กฎหมายกำหนดจะต้องมีการติดตั้งระบบสัญญาณเตือนอัคคีภัยแจ้งเหตุเพลิงไหม้
- ความอุ่นใจ: การที่เรารู้ว่าสถานที่แห่งนั้นมีการติดตั้งระบบสัญญาณเตือนอัคคีภัยอยู่ในสถานที่ สามารถช่วยให้พนักงาน และ ผู้คนรู้สึกสบายใจ รู้สึกปลอดภัย
ระบบสัญญาณเตือนอัคคีภัยแจ้งเหตุเพลิงไหม้ประกอบไปด้วยดังต่อไปนี้
- เซ็นเซอร์ sensor : เป็นอุปกรณ์ตรวจจับที่ติดตั้งทั่วอาคาร หรือ พื้นที่ ออกแบบมาเพื่อตรวจจับการเกิดไฟไหม้ มีเซ็นเซอร์หลายประเภทที่สามารถใช้ได้ รวมถึงอุปกรณ์ตรวจจับควัน smoke detector อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน heat detector และ เครื่องตรวจจับเปลวไฟ
- แผงควบคุม Control Panel : นี่คือชุดควบคุมกลางสำหรับระบบสัญญาณเตือนอัคคีภัย รับสัญญาณจากเซ็นเซอร์และเปิดใช้งานระบบเตือนภัยเมื่อตรวจพบไฟไหม้
- ระบบเตือนภัย Alarm system : เป็นระบบที่เปิดใช้งานเมื่อตรวจพบไฟไหม้ อาจเป็นเสียงเตือนที่ดังทั่วทั้งอาคารหรือบริเวณนั้น หรืออาจเป็นสัญญาณเตือนภัยด้วยภาพ เช่น ไฟกะพริบ
- ปุ่มกด และ ปุ่มดึง แบบแมนนวล Switch : เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ทั่วอาคารหรือพื้นที่ และช่วยให้ผู้คนสามารถเปิดใช้งานระบบเตือนภัยได้ด้วยตนเองในกรณีฉุกเฉิน
- พลังงานสำรอง Battery : ระบบสัญญาณเตือนอัคคีภัยหลายระบบมีแหล่งจ่ายไฟสำรอง เช่น แบตเตอรี่ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบยังคงทำงานได้แม้ว่าจะเกิดไฟฟ้าดับก็ตาม
- ระบบระงับอัคคีภัย : ระบบสัญญาณเตือนอัคคีภัยบางระบบอาจรวมถึงระบบระงับอัคคีภัย เช่น ระบบสปริงเกลอร์ เพื่อช่วยควบคุมหรือดับไฟ
ตรวจระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ต้องตรวจอะไรบ้าง
สิ่งสำคัญคือต้องทดสอบ และ บำรุงรักษา ตรวจระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ เป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในสภาพที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราสามารถทำการตรวจสอบระบบสัญญาณเตือนอัคคีภัยเบื้องต้นได้ 2 แบบหลักๆ คือ ตรวจสอบด้วยตนเองแบบทั่วไปประจำวัน และ ตรวจสอบระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ประจำปีโดยผู้ชำนาญการ
- ทดสอบเซ็นเซอร์: ทดสอบเซ็นเซอร์แต่ละตัวเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้อย่างถูกต้อง โดยทั่วไปสามารถทำได้โดยใช้ปุ่มทดสอบพิเศษบนตัวเซ็นเซอร์เองหรือบนแผงควบคุม
- ทดสอบระบบเตือน: เปิดใช้งานระบบเตือนเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้อย่างถูกต้องและเสียงที่ดังและชัดเจน
ทดสอบสถานีดึงด้วยมือ: ทดสอบสถานีดึงด้วยมือเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้อย่างถูกต้อง - ตรวจสอบแบตเตอรี่: ตรวจสอบแบตเตอรี่หรือแหล่งจ่ายไฟสำรองเพื่อให้แน่ใจว่าชาร์จแล้วและอยู่ในสภาพดี
- ตรวจสอบระบบ: ตรวจสอบระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้ด้วยสายตาเพื่อให้แน่ใจว่าส่วนประกอบทั้งหมดอยู่ในสภาพดีและทำงานได้อย่างถูกต้อง
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิต: ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตสำหรับการทดสอบและบำรุงรักษาระบบสัญญาณเตือนอัคคีภัยของคุณ ซึ่งอาจรวมถึงการตรวจสอบและทดสอบเป็นประจำโดยผู้เชี่ยวชาญ
ข้อแนะนำคือไม่ควรพยายามทดสอบ หรือ ทำการบำรุงรักษา PM ระบบสัญญาณเตือนอัคคีภัย ด้วยตนเองหากไม่มีความรู้ที่ถูกต้อง เว้นแต่จะได้รับการฝึกอบรมอย่างเหมาะสมแล้ว หากไม่แน่ใจว่าจะทดสอบหรือบำรุงรักษาระบบสัญญาณเตือนอัคคีภัยอย่างไร ควรติดต่อผู้ให้บริการ ตรวจสอบระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ให้เข้ามาทำการตรวจสอบให้เราจะดีกว่าเพื่อความมั่นใจและไม่เกิดข้อผิดพลาด
เลือกบริษัทผู้รับเหมาให้บริการตรวจสอบระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ต้องดูอะไรบ้าง
- บริษัทมีที่ตั้งเป็นหลักแหล่งน่าเชื่อถือหรือไม่ มีการจดทะเบียนบริษัทถูกต้องตามกฎหมาย
- ทีมงานมีมาตรฐานตรงนี้อาจจะต้องหาข้อมูลโดยเริ่มจากการดูบนเว็บไซต์ว่ามีภาพเบื้องต้นน่าเชื่อถือหรือไม่ ทีมงานมียูนิฟอร์ม หรือ ไม่ เรียกได้ว่าดูตั้งแต่ชุดทำงานเลยเพราะนั้นคือพื้นฐานที่เราจะได้ผู้รับเหมาที่มีประสิทธิภาพ
- มีอุปกรณ์เครื่องมือการตรวจสอบที่มีมาตรฐานหรือไม่ อุปกรณ์ที่นำมาตรวจสอบจะต้องได้รับการรับรองมาตรฐาน และ ผ่านการสอบเทียบเครื่องมือทุกปีตาม ISO 17025
- มีตัวอย่างลูกค้าที่เคยให้บริการ ยิ่งหากมีประวัติเคยทำงานกับบริษัทชั้นนำก็จะยิ่งน่าเชื่อถือมากขึ้น
- หากได้บริษัทผู้รับเหมาที่มีมาตรฐานมากขึ้นไปอีกเช่น มีการทำระบบ ISO 9001 ก็จะทำให้เราไว้วางใจได้มากขึ้นไปอีก เพราะ ISO 9001 จะเป็นตัวที่บ่งบอกได้ถึงบริษัทผู้รับเหมาดังกล่าว มีระบบ การทำงาน มีการกำหนดวิธีการทำงาน อะ อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นมาตรฐาน
แนะนำ 3 บริษัท ผู้นำด้านการให้บริการ ตรวจระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ที่ได้รับความนิยม และ มีมาตรฐานในปี 2566