8 สิ่งที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคเอดส์และผู้ติดเชื้อ HIV
1. โรคเอดส์และเชื้อ HIV ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
– HIV เป็นเชื้อไวรัสที่เข้าทำลายระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
– เอดส์เป็นภาวะที่เกิดจากการทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายหลังจากถูกติดเชื้อไวรัส HIV
2. ผู้ติดเชื้อ HIV มีโอกาสรอด
– ถึงแม้จะยังไม่มีวิธีรักษาโรคเอดส์โดยตรง แต่การทานยาต้านไวรัสสามารถควบคุมเชื้อไวรัสในร่างกายได้
– ในประเทศไทยมีการจัดหายาต้านไวรัสให้กับผู้ติดเชื้อ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยเพียงลงทะเบียนในโครงการรับยาต้านไวรัสที่โรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ และรักษาตามคำแนะนำของแพทย์เสมอ
3. อาการที่เกิดขึ้นไม่จำเป็นต้องเป็นแผล ตุ่ม หรือหนอง
– โรคเอดส์อาจไม่แสดงอาการทางผิวหนัง และอาจมีอาการที่เป็นเชื้อโรคอื่นๆ เช่น วัณโรค หรือโรคอื่นที่มีระบบภูมิคุ้มกันลดลง
4. ผู้ป่วยเอดส์และผู้ติดเชื้อ HIV ไม่จำเป็นต้องเป็นคนสำส่อน
– การติดเชื้อ HIV อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อ หรือผ่านทางแม่แก่ทารก เป็นต้น
5. เชื้อ HIV ไม่ติดต่อกันง่ายเหมือนไข้หวัด
– เชื้อ HIV ไม่สามารถติดต่อผ่านทางการกอด จูบ (ยกเว้นมีแผลในปาก) หรือการใช้สิ่งของใช้ส่วนตัวร่วมกัน
6. การทานยาต้านไวรัส อาจไม่จำเป็นตลอดชีวิต
– การทานยาต้านไวรัสตรงเวลาและการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ อาจช่วยควบคุมเชื้อไวรัส HIV และสามารถหยุดการทานยาได้
7. ผู้ติดเชื้อ HIV มีโอกาสมีชีวิตอยู่ได้ยาวนาน
– การดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ และการทานยาต้านไวรัสตรงเวลา อาจช่วยให้ผู้ติดเชื้อมีอายุขัยเท่าเท่ากับคนปกติหรือยาวกว่า
8. ผู้ติดเชื้อ HIV สามารถมีครอบครัวได้
– ผู้ติดเชื้อ HIV สามารถมีความสุขและมีชีวิตอยู่ได้เช่นเดียวกับคนปกติ และสามารถมีครอบครัวได้โดยการปรึกษาแพทย์ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อให้ต่ำที่สุด
โรคเอดส์และเชื้อ HIV ไม่ควรทำให้เราเกรงกลัว เราควรเปิดใจและสนับสนุนผู้ติดเชื้อให้มีชีวิตที่ดี และมีความสุขอย่างเท่าเทียมกับทุกคนในสังคม สามารถสร้างสังคมที่แข็งแรงและเข้มแข็งขึ้นได้ ด้วยการให้ความเข้าใจและการรับฟังกันอย่างเท่าเทียม
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.sanook.com/health/2009/