spot_img
spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ความเสี่ยงของการใช้ยาซึมเศร้าในระยะยาว

1.ยาซึมเศร้า

ในปัจจุบัน ยาต้านอารมณ์ซึมเศร้ากลายเป็นยาสามัญที่คนไทยใช้เป็นประจำอย่างมาก การศึกษาการใช้ยาและผลกระทบทางสุขภาพจึงมีความสำคัญอย่างมาก เมื่อทำการซักประวัติ ตรวจคนไข้ และประเมินโรคและยาทั้งหมดที่ผู้ป่วยได้รับ พบว่ายาต้านอารมณ์ซึมเศร้าและยาคลายกังวลเป็นที่นิยมมาก โดยมีผลกระทบที่สำคัญต่อชีวิตประจำวันของผู้ใช้ เช่น การนอนไม่หลับ และการปรับตัวไม่ได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานและการดำเนินชีวิต

3.ยาซึมเศร้า

ยาต้านอารมณ์ซึมเศร้ากลายเป็นยาที่นิยมมากที่สุด 

มีจำนวนการสั่งจ่ายเพิ่มขึ้น ในปี 2018 เพียงปีเดียว ก็มีถึง 70 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นจากสองเท่าในทศวรรษที่ผ่านมา การใช้ยาต้านอารมณ์ซึมเศร้าในระยะยาวเพื่อป้องกันการกำเริบใหม่ คณะวิจัยในวารสารทางจิตวิทยาของอังกฤษ British Journal of Psychiatry ได้เสนอแนวทางใหม่ในการใช้ยา โดยควรให้ยานี้ในระยะยาวอย่างน้อยหกเดือน หรือนานถึงสองปี สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะกลับมามีอาการหดหู่ซึมเศร้าอีกครั้ง แต่การศึกษาผลกระทบทางสุขภาพของยากลุ่มนี้ยังไม่มีข้อมูลชัดเจน เนื่องจากระยะเวลาการติดตามยังไม่เพียงพอ ยาต้านอารมณ์ซึมเศร้า อาจมีผลเสียที่เกิดขึ้นทางเมตาบอลิกและระบบหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อว่า ภาวะหดหู่ยังมีความสัมพันธ์กับปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความอ้วน โภชนาการที่ไม่ดี การสูบบุหรี่ และการขาดการออกกำลังกาย

2.ยาซึมเศร้า

การใช้ยาต้านอารมณ์ซึมเศร้า มีผลกระทบต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด 

การวิจัยพบว่าการใช้ยาต้านอารมณ์เหล่านี้ มีผลต่อการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งมีการเพิ่มขึ้นสองเท่า

ยาต้านอารมณ์ซึมเศร้า กลับพบว่า มีผลในการลดความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน โดยลดความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูงได้ถึง 23% และลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานได้ถึง 32% คณะวิจัยยังไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนถึงผลกระทบต่อสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด และผลกระทบที่เกิดต่อการเสียชีวิต

การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ เปิดเผยถึง การใช้ยาต้านอารมณ์ซึมเศร้าในระยะยาว โดยมีข้อควรระวังที่ต้องพิจารณาอย่างเคร่งครัด เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงที่ทำให้เกิดผลกระทบอันตราย โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ใช้ยาต้องใช้เป็นระยะเวลายาวนาน การศึกษานี้ เน้นให้ความสำคัญกับการต้องมีการสื่อสารระหว่างแพทย์และผู้ป่วยอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถชั่งน้ำหนักประโยชน์และผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นจากการใช้ยาได้อย่างถูกต้อง และเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบที่ไม่คาดคิดในระยะยาว

สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2608875

เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ :
* สงวนลิขสิทธิ์ทุกเนื้อหา และ ภาพประกอบของ Jorportoday สามารถนำไปเผยแพร่ได้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ใช่เชิงพาณิชย์

** กรณีมีการคัดลอกบทความของเราไปส่วนใดส่วนหนึ่ง โปรดติดลิงค์กลับมาที่หน้านี้เพื่อให้เครดิตกับเรา

Similar Articles

Special advertising

spot_img

Special Ads

spot_img

Ads.1

spot_img

Ads.3

spot_img

Ads.4

spot_img
spot_img

Ads.5

spot_img

Most Popular