นพ. วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ในยุคปัจจุบัน สังคมมีการแข่งขันกันมากขึ้น และการทำงานที่ต้องแข่งกับเวลา มักทำให้มีโอกาสดูแลสุขภาพน้อยลง ผู้ทำงานบางคนต้องเผชิญกับความเจ็บป่วยที่มารบกวนการใช้ชีวิต อาชีพ และการเข้าสังคม แม้จะไม่มีอาการเจ็บป่วยทางกาย ก็ยังมีความเจ็บป่วยทางใจและระบบประสาท โดยเฉพาะปัญหาด้านความจำที่แย่ลง
ภาวะสมองล้ามักพบในวัยทำงาน
ภาวะนี้เรียกว่า ภาวะสมองล้า หรือ Brain fog ซึ่งเป็นอาการที่มักจะประกอบไปด้วยปัญหาด้านความจำระยะสั้นที่แย่ลง สมาธิถดถอย ไม่สามารถจดจ่ออยู่กับสิ่งใดได้นาน ทำให้ทักษะการทำงาน และการวางแผนลดลง เป็นภาวะที่สมองมีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง เนื่องจากประสาทในสมองที่มีหน้าที่ในการเชื่อมต่อข้อมูล หรือส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาทเสียสมดุล สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น สุขภาพที่ไม่ดี สภาวะเครียด ขาดการนอนหลับเพียงพอ และโรคที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมสมอง
สมองมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง
สมองมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง ส่งผลต่อความสามารถในการทำงานประจำวันของบุคคล อาจทำให้เกิดอาการลืม ขาดสมาธิ หรือไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้เป็นต้น นอกจากนี้ ภาวะสมองล้ายังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สามารถเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคอ้วน โรคกระเพาะ โรคเบาหวาน และภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติ
การรักษาภาวะสมองล้าจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการที่แตกต่างกันไปของแต่ละบุคคล ซึ่งอาจรวมถึงการดูแลสุขภาพโดยรวม การออกกำลังกาย การจัดการกับสภาวะเครียด การทานอาหารที่เหมาะสม และการพักผ่อนให้เพียงพอ
นพ. ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวว่า ผู้ที่จะเป็นภาวะนี้สามารถสังเกตอาการได้ด้วยตนเอง เช่น มีปัญหาความจำระยะสั้น ขาดสมาธิ และรบกวนในการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน หรือการเข้าสังคม ในกรณีที่มีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการประเมิน การวินิจฉัย และการรักษาที่เหมาะสม
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.thairath.co.th/news/local/2741955