spot_img
spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

สะโพกหัก ภัยที่พบได้มากในกลุ่มผู้สูงอายุ

1.สะโพกหัก

ในโลกที่กำลังเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ การรักษาและป้องกันการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในผู้สูงอายุมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะอุบัติเหตุการหกล้ม อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุได้โดยตรง โดยเฉพาะกระดูกสะโพกที่เป็นจุดอ่อนและเสี่ยงต่อการหัก

2.สะโพกหัก

ภาวะสะโพกหัก ทำให้ผู้สูงอายุเสียชีวิต

กลุ่มคนไข้ที่มีความเสี่ยงต่อการหักกระดูกสะโพกสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ได้ดังนี้

1. กลุ่มคนไข้อายุไม่มาก ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการประสบอุบัติเหตุรุนแรง เช่น อุบัติเหตุจราจรหรือการตกจากที่สูง ซึ่งต้องมีการเสริมความปลอดภัยและการดูแล เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุนี้ขึ้น

2. กลุ่มคนไข้ผู้สูงอายุ ซึ่งมักมีภาวะกระดูกพรุนร่วมด้วย การดูแลและป้องกันการหกล้ม จึงมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากอาจเกิดการหักกระดูกสะโพกได้จากการล้มเบาๆอย่างไม่คาดคิด

3. กลุ่มคนไข้ที่มีปัญหากระดูกอื่นๆ เช่น การมีเนื้องอกบริเวณกระดูกสะโพก หรือปัญหาในระบบการหมุนเวียนแคลเซียมและฟอสเฟต การรักษาและการติดตามอาการของโรคนี้มีความสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดการหักกระดูกสะโพก

สำหรับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีกระดูกสะโพกหัก การรักษาและการดูแลต่อไปจะมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากผู้สูงอายุมักมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นจากการนอนติดเตียง ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตหรือเสียคุณภาพชีวิตได้ ดังนั้น การรักษาและการดูแลผู้สูงอายุที่มีการหักกระดูกสะโพก จึงควรมีการตรวจสอบอาการและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นเป็นประจำ และควรให้การรักษาที่เหมาะสมตามความเสี่ยงของแต่ละผู้ป่วย เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในอนาคต

3.สะโพกหัก

การดูแลหลังผ่าตัดกระดูกสะโพกหัก

ไม่ใช่แค่การผ่าตัดที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับการดูแลหลังผ่าตัดด้วยด้วย การกระตุ้นร่างกายด้วยการขยับข้อเท้าและขา เพื่อลดภาวะส่งเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำใหญ่ เป็นวิธีที่แพทย์แนะนำอย่างสำคัญ เนื่องจากภาวะนี้อาจเกิดขึ้นได้หลังผ่าตัดเสร็จใหม่ และเป็นอันตรายหากส่งเลือดเคลื่อนไปที่ปอด การเฝ้าระวังภาวะซีดเป็นสิ่งสำคัญเพราะสามารถเกิดอันตรายได้ หากพบว่าคนไข้มีภาวะซีด จะต้องมีการให้เลือดเพิ่ม

ขั้นตอนการฟื้นฟูร่างกาย โดยการเริ่มต้นด้วยการลุกนั่งและฝึกนั่งเต็มตัวโดยไม่ต้องพิงหลัง และเมื่อทรงตัวได้ดีขึ้นจึงเข้าสู่การฝึกยืน ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอนุญาตให้ลงน้ำหนักได้ทันที ซึ่งเมื่อยืนได้แล้วก็จะเริ่มฝึกเดินโดยใช้ไม้เท้าพยุงหรือ Walker จนกว่าจะสามารถเดินได้ดีขึ้น เมื่อครบถ้วนก็สามารถกลับบ้านได้เพื่อทำการพักฟื้นต่อ

โดยส่วนใหญ่การพักฟื้นในโรงพยาบาลหลังผ่าตัดนี้จะใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน โดยเป้าหมายหลัก คือการให้ผู้ป่วยกลับไปใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมก่อนที่เกิดอุบัติเหตุ และป้องกันการล้มซ้ำในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2711403

เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ :
* สงวนลิขสิทธิ์ทุกเนื้อหา และ ภาพประกอบของ Jorportoday สามารถนำไปเผยแพร่ได้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ใช่เชิงพาณิชย์

** กรณีมีการคัดลอกบทความของเราไปส่วนใดส่วนหนึ่ง โปรดติดลิงค์กลับมาที่หน้านี้เพื่อให้เครดิตกับเรา

Similar Articles

Special advertising

spot_img

Special Ads

spot_img

Ads.1

spot_img

Ads.3

spot_img

Ads.4

spot_img
spot_img

Ads.5

spot_img

Most Popular