spot_img
spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

สาเหตุการเกิดตาปลา และวิธีรักษาง่ายๆด้วยตัวเอง

1.ตาปลา

การมีตาปลาบนเท้าเป็นปัญหาที่เจอได้บ่อย และทำให้รู้สึกไม่สะดวกสบาย เพราะบางครั้งทำให้รู้สึกเจ็บ เมื่อสวมรองเท้าหรือเดินเท้าเปล่า เหมือนมีก้อนกรวดเล็กๆ ติดอยู่ที่เท้าอยู่เสมอ

2.ตาปลา

การดูแลสุขภาพของเท้าและผิวหนัง เป็นสิ่งสำคัญที่มักถูกละเลย 

เนื่องจากผิวหนังบริเวณเท้ามีความแข็งและเป็นก้อนมากกว่าบริเวณอื่นๆ  ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาตาปลาขึ้นได้ง่าย โดยมีสองแบบหลักๆ คือ ตาปลาแบบตุ่มเล็กและมีแกนตรงกลาง (Hard corn) และ ตาปลาแบบผิวด้าน (Callus) 

1. ตาปลาแบบตุ่มเล็กและมีแกนตรงกลาง (Hard corn) ปัญหานี้มักเกิดจากการกดลงน้ำหนักบ่อยๆ หรือการสวมรองเท้าเป็นเวลานาน โดยส่วนใหญ่จะพบที่บริเวณฝ่าเท้า การที่น้ำหนักของร่างกายถูกกดลงบนบริเวณนี้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดการหยุดตัวของผิวหนังและการกลายเป็นก้อนเนื้อแข็ง ๆ  ที่เรียกว่า ตุ่ม ซึ่งเมื่อกดจะไม่รู้สึกเจ็บหรืออาจจะรู้สึกเจ็บน้อยมาก

2. ตาปลาแบบผิวด้าน (Callus) ปัญหานี้มักเกิดจากการเสียดสีบริเวณบางจุดมากกว่าปกติ โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุและนักกีฬา ผิวหนังที่ถูกเสียดสีจะตอบสนองด้วย การทำสารที่ทำให้เกิดชั้นหนังสร้างขึ้นมากขึ้น เพื่อป้องกันตัว เมื่อชั้นหนังสร้างมากเกินไปก็จะกลายเป็นผิวหนังหนาและแข็ง ซึ่งเมื่อเกิดการกดหรือการขีดข่วนก็จะเกิดตาปลา ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเจ็บเมื่อกดแรงๆ 

3.ตาปลา

วิธีรักษาและป้องกันตาปลาที่เท้า

1. เลือกสวมรองเท้าที่พอดีกับเท้า การเลือกสวมรองเท้าที่มีขนาดพอดีกับเท้า จะช่วยลดการเกิดแรงกดที่บริเวณเท้าและลดความดันที่เป็นสาเหตุของตาปลา

2. เลือกวัสดุที่ไม่ระคายเคือง ควรเลือกใช้รองเท้าที่ทำจากวัสดุไม่ระคายเคืองผิว เช่น ผ้าหรือวัสดุที่อ่อนโยนต่อผิวหนัง

3. ใส่แผ่นรองในรองเท้า การใส่แผ่นรองในรองเท้าจะช่วยปกป้องผิวหนังบริเวณเท้า จากการสัมผัสกับวัสดุหรือแรงกระแทก

4. ใช้หินขัดถูเบาๆ หากมีตาปลาอ่อนลงบริเวณเท้า สามารถใช้หินขัดเบาๆ ละเอียดบริเวณนั้น เพื่อช่วยลดความหยาบของผิว

5. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ผิวหนังเสียดสี ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ผิวหนังเท้าเสียดสี เช่น การยืนหรือเดินนานเวลา การทำงานที่ต้องยืนหรือเดินบนพื้นที่แข็ง หรือการสวมรองเท้าที่ไม่พอดี

6. ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร หากมีอาการของตาปลาที่เท้าอย่างรุนแรงหรือไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อรับคำแนะนำและยาที่เหมาะสมสำหรับการรักษา

ด้วยการปฏิบัติตามวิธีการดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ และการดูแลเอาใจใส่ตัวเองอย่างถูกวิธี จะช่วยลดการเกิดหรือป้องกันตาปลาที่เท้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถให้ผิวหนังบริเวณเท้าคงความสุขภาพได้ในระยะยาวๆ ด้วยวิธีการธรรมชาติที่ง่ายและประหยัดที่สุด

สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2536660

เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ :
* สงวนลิขสิทธิ์ทุกเนื้อหา และ ภาพประกอบของ Jorportoday สามารถนำไปเผยแพร่ได้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ใช่เชิงพาณิชย์

** กรณีมีการคัดลอกบทความของเราไปส่วนใดส่วนหนึ่ง โปรดติดลิงค์กลับมาที่หน้านี้เพื่อให้เครดิตกับเรา

Similar Articles

Special advertising

spot_img

Special Ads

spot_img

Ads.1

spot_img

Ads.3

spot_img

Ads.4

spot_img
spot_img

Ads.5

spot_img

Most Popular