ปวดศีรษะมีหลายแบบ แต่แบบที่ทรมานเพราะหายยากกว่า คือ ปวดไมเกรน เมื่อสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่เป็นปัจจัยเสี่ยง ก็สามารถลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการของโรคนี้ได้
การปวดศีรษะที่รุนแรงและน่าเบื่อ อาจไม่ใช่เรื่องใหม่กับผู้ที่ต้องเผชิญกับไมเกรน เพียงแต่ความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุของโรคนี้กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ด้วยการศึกษาและวิจัยที่ก้าวหน้า อาจารย์ด้านระบบประสาทและสมอง ดร. สุรัตน์ ตันประเวช จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับสาเหตุของโรคไมเกรน ซึ่งการแสดงออกที่เพิ่มขึ้นของการปวดศีรษะนี้นั้น มีพื้นฐานที่ซับซ้อนอยู่ทั้งในพันธุกรรมและสิ่งกระตุ้นภายนอก
สาเหตุหลักของโรคไมเกรนมาจากพันธุกรรม
โรคนี้มีการถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปยังลูกได้ อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้เป็นเพียงแค่พันธุกรรมเท่านั้นที่มีบทบาทในการก่อให้เกิดโรคนี้ การแก้ไขและป้องกันไมเกรนก็ต้องพิจารณาถึงปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน การแก้ไขปัญหาไมเกรนไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีปัจจัยหลายประการที่เข้ามามีส่วนร่วมในการกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะ นอกจากพันธุกรรมแล้ว สิ่งต่างๆ ที่อาจกระตุ้นการเกิดโรคนี้ได้รวมถึงสภาวะแรงดันจิต สภาวะเครียด ระดับฮอร์โมน เช่น การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเมื่อมีประจำเดือน หรือการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนร่วมในการกระตุ้น และสิ่งอื่นๆ อีกมากมายที่สามารถเป็นสาเหตุให้เกิดโรคไมเกรนได้
ดังนั้น เราสามารถเข้าใจได้ว่าโรคไมเกรนไม่ใช่เรื่องที่มีสาเหตุเดียว แต่เป็นผลมาจากการประสานงานของปัจจัยหลายประการ ดังนั้น การป้องกันและการรักษาโรคนี้ อาจจำเป็นต้องใช้วิธีการที่ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพในการจัดการทั้งด้านพันธุกรรม และสภาวะทางจิตใจ และสภาวะทางร่างกายอื่นๆ ที่อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคไมเกรนได้
สิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการไมเกรน
ปัจจัยหรือสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะของโรคไมเกรน สามารถแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ได้แก่ การขาดนอนหลับ การเผชิญกับความเครียด อาการเหนื่อยล้าจากการทำงานหรือการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารบางชนิด เช่น เนย ช็อกโกแลต หรืออาหารหมักดอง การรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา การบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การอยู่ในที่แสงจ้าที่มากเกินไป และสถานที่ที่มีเสียงดัง
แม้การรักษาโรคไมเกรนจะไม่สามารถหายขาดได้ แต่สามารถควบคุมและบรรเทาอาการปวดได้ โดยการลดการสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นต่างๆ ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น นอกจากนี้ หากมีอาการปวดศีรษะที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.sanook.com/health/19855/
