noise contour หรือที่เรียกว่า แผ่นที่ระดับความดังเสียง คือการแสดงระดับเสียงในพื้นที่ที่กำหนดในรูปแบบของภาพดราฟิก ลักษณะจะคล้าย ๆ กับแผนที่ภูมิประเทศ แต่ถ้าเป็นแผนที่ภูมิประเทศที่แสดงกราฟความสูง แต่ noise contour แสดงพื้นที่ของระดับความดังเสียง โดยทั่วไปจะแสดงเป็นหน่วยเดซิเบล (dB) นอกจากนี้ยังใช้ “dBA” ซึ่งคำนึงถึงความไวของหูของมนุษย์ด้วยในหน่วยวัดนี้
noise contour ใช้ในอะไรได้บ้าง ?
- ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ: การสัมผัสกับเสียงรบกวนในระดับสูงอย่างต่อเนื่องสามารถนำไปสู่ความเครียด การรบกวนการนอนหลับ ปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจ และแม้กระทั่งความบกพร่องทางสติปัญญาในเด็ก ด้วยการทำ noise contour เจ้าหน้าที่สามารถระบุพื้นที่ที่มีปัญหาและดำเนินการบรรเทาผลกระทบเหล่านั้นได้
- การวางผังเมือง: noise contour มีบทบาทสำคัญในการวางผังเมือง โดยสามารถใข้กำหนดตำแหน่งของโรงเรียน โรงพยาบาล พื้นที่อยู่อาศัย และเขตการค้า เพื่อให้มั่นใจว่าสภาพแวดล้อมในเมืองจะสมดุลและไม่ถูกสถานที่ที่เสียงดังรบกวน
- การพัฒนาเมือง: สนามบิน ทางหลวง และทางรถไฟเป็นตัวกำเนิดเสียงรบกวนที่หากไม่วางแผนให้ดีอาจจะกลายเป็นปัญหาได้ การใช้ noise contour จะทำให้สามารถกำหนดการใช้งานหรือวางแผนการก่อสร้างเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดจากเสียงรบกวนได้
กระบวนการสร้าง noise contour
- การวิเคราะห์แหล่งที่มา: ระบุแหล่งที่มาของเสียง อาจเป็นอะไรก็ได้ที่มาจากสถานที่พลุกพล่าน สนามบิน หรือแม้แต่เทศกาลดนตรีก็สามารถสร้างเสียงที่ดังได้เช่นกัน
- การวัดเสียงรบกวน: ใช้เครื่องวัดระดับเสียงเพื่อบันทึกระดับเสียงในช่วงเวลาต่างๆ ของแต่ละวัน
- การสร้างแบบจำลอง: นำระดับเสียงที่วัดในขั้นตอนที่แล้ว ป้อนข้อมูลเข้าซอฟแวร์ เพื่อให้ซอฟแวร์คาดการณ์ระดับเสียงภายใต้สภาวะต่างๆ โดยพิจารณาปัจจัยที่แตกต่างกัน เช่น สภาพอากาศ การดูดซับพื้นดิน และการสะท้อนจากอาคาร
- การทำแผนที่: เมื่อรวบรวมข้อมูลแล้ว ข้อมูลจะถูกสร้างออกมาเป็นแผนที่ noise contour
ตัวอย่างการใช้งาน noise contour ในสถานการณ์จริง
หากจะพูดถึงการใช้งาน noise contour ในสถานการณ์จริง เราก็ขอยกตัวอย่างในส่วนของการใช้งาน noise contour ในสนามบินเนื่องจากมีการเกิดเสียงที่ชัดเจน โดยหลัก ๆ แล้วจะมีประโยชน์ดังนี้
- เส้นทางและเวลาของเที่ยวบิน: สนามบินสามารถปรับเส้นทางและตารางเวลาการบินตามข้อมูลของ noise contour เพื่อให้มั่นใจว่าเที่ยวบินจะไม่รบกวนผู้อยู่อาศัยในช่วงเวลาละเอียดอ่อน เช่น ช่วงเวลาดึกจัด หรือช่วงใกล้เช้า
- วางแผนการใช้ที่ดิน: noise contour สามารถใช้ในการวางแผนที่ดินได้ เช่น ในพื้นที่ที่มีเครื่องบินขับผ่านบ่อย อาจจะใช้สำหรับการสร้างอาคารเชิงพาณิชย์ ในขณะที่โซนที่เงียบกว่าสามารถนำมาใช้สำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยได้
แนะนำซอฟแวร์ที่ใช้สำหรับ noise contour
- SoundPLAN: นี่คือซอฟต์แวร์จำลองเสียงรบกวนชั้นนำที่ใช้ทั่วโลก เหมาะสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงเสียงบนถนน รางรถไฟ และเสียงรบกวนทางอุตสาหกรรม รวมถึงเสียงในห้องและมลพิษทางอากาศ
- CadnaA: สร้างโดย DataKustik CadnaA ใช้สำหรับการคาดการณ์และการทำแผนที่เสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อม สามารถรองรับโครงการขนาดใหญ่ เช่น การทำแผนที่เสียงของทั้งประเทศ และนำไปใช้ในระดับสากล
- INM (Integrated Noise Model): พัฒนาโดย Federal Aviation Administration (FAA) โดย INM ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับการทำ noise contour รอบๆ สนามบิน
- NoizCalc: ซอฟต์แวร์นี้พัฒนาโดย d&b audiotechnik จำลองการปล่อยเสียงรบกวนในระยะไกลจากระบบขยายเสียง ช่วยให้ผู้ใช้สามารถคาดการณ์ระดับเสียงนอกสถานที่ได้
- NMPB Routes-96: เป็นโมเดลภาษาฝรั่งเศส แต่ใช้กันอย่างแพร่หลายในยุโรปสำหรับการคาดการณ์เสียงรบกวนจากการจราจรบนถนน
- BASTIAN: ซอฟต์แวร์นี้ใช้ในการสร้าง noise contour สำหรับเสียงภายในห้อง
- CATT-Acoustic: ใช้สำหรับการคาดการณ์เสียงในห้อง ซอฟต์แวร์นี้จะจำลองการรูปร่างของห้อง คุณสมบัติพื้นผิว แหล่งที่มาและตำแหน่งผู้ฟัง พร้อมทั้งวิเคราะห์ว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อ noise contour อย่างไร
- NoiseAtWork: เครื่องมือที่ใช้งานง่ายสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีวอนามัย เพื่อช่วยสร้าง noise contour ในที่ทำงาน ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกในการประเมินความเสี่ยง โดยอิงจากเสียงรบกวนจากการทำงาน
- Predictor-LimA: ชุดซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดย Brüel & Kjær เหมาะสำหรับการคำนวณ การวิเคราะห์ และการรายงานสัญญาณรบกวนสิ่งแวดล้อมจากแหล่งต่างๆ
- NoiseMapp: นี่คือแอปพลิเคชันบนคลาวด์ที่ออกแบบมาเพื่อการตรวจสอบเสียงรบกวนด้านสิ่งแวดล้อมและการประกอบอาชีพ
เครดิตภาพประกอบ : researchgate.net